Theo Walcott ดาวรุ่งตลอดกาล แห่งเกาะอังกฤษ
หลังจาก สเวน โกรัน อีริคสัน ประกาศว่าเขาใส่ชื่อ Theo Walcott เป็น 1 ใน 23 ขุนพลทีมชาติอังกฤษ ชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก 2006
ณ.วันนั้น ไม่มีใครรู้ว่า สเวน โกรัน อิริคสัน รู้จักวัลคอตต์ดีแค่ไหน สเวนอาจได้ยินชื่อของ วัลคอตต์ จากทีมงานสต๊าฟ หรือได้ยินจากสื่อ ทั้งที่ในขณะนั้น มีกองหน้าที่มีประสบการณ์และโชว์ฟอร์มเข้าตามากกว่าอย่าง เจอร์เมน เดโฟ และ ดาร์เรน เบนท์ ซึ่งทั้งสองกลับหลุดโผทีมชาติอย่างน่าเหลือเชื่อ
ด้วยวัย 17 ปี ในฐานะผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดของการแข่งขัน และไม่เคยลงเล่นในพรีเมียร์ลีก
“นักเตะหลายคนไม่มีโอกาสเล่นในฟุตบอลโลก ผมคือคนที่โชคดีคนนั้น การเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดของทีมชาติอังกฤษ คือสิ่งที่พิเศษมากครับ”
Theo Walcott เปิดใจในวันที่เรียกติดทีมชาติอังกฤษ ชุดฟุตบอลโลก 2006
“เหมือนกับ ไมเคิล โอเวน และ เวย์น รูนีย์ ที่ติดทีมชาติตั้งแต่อายุน้อย หากผมสามารถประสบความสำเร็จแบบพวกเขาได้ มันคงจะยอดเยี่ยมมากเช่นกันครับ”
บทสัมภาษณ์ของ วัลคอตต์ แสดงให้เห็นถึงความดีใจที่ติดทีมชาติ และแรงกดดันจากความคาดหวังของแฟนบอลอังกฤษ ที่ต้องการให้เขาประสบความสำเร็จเหมือน ไม่เคิล โอเวน และ เวย์น รูนีย์
แต่มันคือความโชคร้ายในความโชคดี วัลคอตต์ไม่ได้รับโอกาสลงสนามในฟุตบอลโลก 2006 เลยแม้แต่นัดเดียว ไม่มีอะไรให้จดจำไปมากกว่าคำว่า “ดาวรุ่งตลอดกาล”
Theo Walcott เป็นนักเตะเยาวชนของ Southampton
เริ่มเล่นฟุตบอลในทีมเยาวชน เมื่อฤดูกาล 2004-05 และสามารถพาทีมทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลเยาวชนเอฟเอคัพไปเจอกับอิปสวิชทาวน์
นอกจากนั้น เขายังเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นให้กับ Southampton ทีมสำรอง เมื่ออายุเพียง 15 ปีกับอีก 175 วัน โดยถูกส่งลงสนามในนัดที่ทีมสำรองพบกับวัตฟอร์ตเมื่อเดือนกันยายน ปี 2004
อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่ วัลคอตต์ ก็ไม่เคยเล่นในพรีเมียร์ลีกกับ Southampton เลย เนื่องจากทีมตกชั้นมาเล่นในลีกแชมเปียนชิพเมื่อจบฤดูกาล 2004-05
ในปี 2005-06 นั้น วัลคอตต์ ได้โอกาสประเดิมสนาม ให้กับทีมชุดใหญ่ของ Southampton ด้วยอายุเพียง 16 ปีกับ 143 วัน โดยถูกส่งลงสนามเป็นตัวสำรองในเกมที่ Southampton เสมอ Wolve ในบ้าน ในศึกแชมเปียนชิพอังกฤษ
วัลคอตต์ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่ในฐานะตัวจริงครั้งแรกในนัดที่ไปเยือน Leeds เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ปี 2005 และระเบิดฟอร์ม ยิงประตูในทีมชุดใหญ่ได้เป็นประตูแรกในเกมเดียวกันนี้เอง ทำให้ในฤดูกาลนี้ วัลคอตต์ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของสำนักข่าว BBC จนถึงรอบ 3 คนสุดท้ายอีกด้วย
ฟอร์มการเล่นของ วัลคอตต์ นั้น สร้างความตกตะลึงให้กับบรรดาสื่อดังของอังกฤษอย่างมาก สื่อต่างๆ พากันเขียนข่าวว่า เขาคือนักเตะที่น่าจะโดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในบรรดานักเตะเยาวชนของอังกฤษในตอนนั้น
จากนั้นก็มีข่าวลืออกมาว่าวัลคอตต์ ตกเป็นข่าวกับทีมชั้นนำของเกาะอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น Arsenal, Chelsae, Manchester United และ Spurs และ Liverpool นอกจากนั้นก็ยังมีข่าวกับสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปไม่ว่าจะเป็น Real Madris, Juventus, Ac Milan และ Barcelona อีกด้วย
ลึกๆแล้ว วัลคอตต์ เป็นแฟนของทีมLiverpool แต่สุดท้ายทีมที่ วัลคอตต์เลือกไปอยู่ด้วยคือ Arsenal
ปี 2006 Theo Walcott ในวัย 17 ปี ได้ตัดสินใจย้ายจาก Southampton ไปอยู่กับ Arsenal
ด้วยค่าตัวเริ่มต้น 5 ล้านปอนด์ และอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 12 ล้านปอนด์ ขึ้นอยู่กับจำนวนนัดที่ลงเล่นให้กับสโมสรและทีมชาติ ทำให้วันนั้น วอลคอตต์กลายเป็นนักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ เมื่อเทียบกับบรรดานักเตะวัย 16 ปีด้วยกัน
ทีม Arsenal ในยุคนั้นคือทีมที่มีนักเตะชั้นยอดอยู่ในทีมมากมายทั้ง เธียร์รี่ อองรี, โรแบร์ ปิแรส, เฟรดดี้ ลุงเบิร์ก หรือว่า โซล แคมป์เบล ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมวัลคอตต์ ถึงปฏิเสธทีมอื่น ๆ ที่อยากได้ตัวไปร่วมทีม
Theo Walcott เล่าว่า “ตอนนั้นมีหลายทีมติดต่อเข้ามาทั้ง เชลซี, ลิเวอร์พูล, แมนยู และอาร์เซนอล แต่ว่าผมมี อองรี เป็นไอดอล บวกกับ เวนเกอร์ เขามักจะให้โอกาสดาวรุ่งอยู่เสมอ นั่นคือเหตุผลที่ผมเลือกอาร์เซนอล”
“แน่นอนว่านั่นคือการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมของผม ผมไม่สามารถปฏิเสธพวกเขาได้เลย ผมอยากย้ายไปมาก ๆ และเมื่อถึงเวลาจริง ๆ คนแรกที่ผมได้เจอเลยคือ อองรี นั่นแหละ จากนั้น ปิแรส เข้ามา ต่อด้วย ลุงเบิร์ก ไหนจะ บิ๊กโซล อีก มันสุดยอดมาก อารมณ์ผมเหมือนกับเด็กที่ไปรอขอลายเซ็นนักบอลเลย”
ไม่ต้องรอนาน ในนัดเปิดฤดูกาลกับ Aston Villa 19 สิงหาคม 2006 วัลคอตต์ได้ลงประเดิมสนามกับ Arsenal ในพรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรก โดยถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองสำรองในนาทีที่ 73 ซึ่งในวันนั้นถือว่าเป็นนัดแรกของสนาม Emirate Stadiums ที่ได้ใช้ในการทำศึกพรีเมียร์ลีกอีกด้วย ฟอร์มของวัลคอตต์ถือว่าดีเลยทีเดียว โดยทำได้ 1 Assit เปิดบอลให้กับกิลแบร์โต ซิลวาวอลเล่ย์ตีเสมอช่วงท้ายเกมส์ได้สำเร็จอีกด้วย
หลังการลาทีมของ เธียร์รี่ อองรี ฤดูกาล 2008-09 วัลคอตต์ ถูกเลือกให้สวมใส่เบอร์ 14 ต่อจากตำนานของสโมสร หลายคนคาดหวังว่าเขาคือตัวตายตัวแทนของตำนานปืนใหญ่ แม้แต่ ผู้จัดการทีมในตอนนั้น อย่าง อาเซน เวงเกอร์
เวงเกอร์ มักจะชอบวางบทบาทของวัลคอตต์ ในตำแหน่ง กองหน้าตัวเป้า แต่แท้จริงแล้ว วัลคอตต์ ชอบที่จะยืนกองกลางหรือกองหน้าด้านข้างมากกว่า
หลายครั้งที่ วัลคอตต์ เลี้ยงบอลด้วยความเร็ว ก่อนโชว์ความเงอะงะและซุ่มซ่าม พลาดโอกาสทำประตูแบบน่าเสียดาย การมั่นใจในตัววัลคอตต์มากเกินไปของเวงเกอร์ ประกอบกับการที่ตัววัลคอตต์เอง ไม่พยายามเพิ่มสกิลของตัวเองในการทำประตู รวมถึงความกดดันของคำว่า ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ ทำให้พัฒนาการของวัลคอตต์เหมือนหยุดอยู่กับที่
แฟนบอลทีมชาติอังกฤษต้องการให้เขาประสบความสำเร็จเหมือน โอเวนและรูนี่ย์ แฟนอาร์เซนอลก็ต้องการให้เขาทำประตูต่อเนื่องอย่าง อองรี ทั้งที่ความเป็นจริง วัลคอตต์ อาจไม่มีความสามารถจะก้าวไปถึงจุดนั้นตั้งแต่ต้นแล้วก็เป็นได้
ในปี 2010 ด้วยฟอร์มที่ไม่คงเส้นคงวา วัลคอตต์ตกเป็นตัวสำรองของทีมปืนใหญ่ พร้อมทั้งหลุดทีมชาติไปโดยปริยาย
ปี 2012 ในวัย 24 ปี และสัญญาของเขากับกับทีมArsenalใกล้จบลง อยู่ฟอร์มของวัลคอตต์ ก็กลับมาเปรี้ยงปร้าง ทั้งในนัดที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ช่วยทีมตีเสมอ 4-4 ในเกมส์ลีกคัพ ที่พบกับเรดดิ้ง ก่อน พลิกชนะ 7-5 หรือ ยิง 3 จ่าย 2 ในนัดถล่มนิวคาสเซิล 7-3 ฟอร์มการเล่นที่ถือว่าเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดในชีวิตของวัลคอตต์ ทำให้เขานั้นได้สัญญาฉบับใหม่กับทีม
ในปี 2014 ขณะที่ฟอร์มกำลังดีต่อเนื่อง แต่เหมือนโชคชะตาจะให้เขาคือ ดาวรุ่งตลอดกาล วัลคอตต์ได้รับบาดเจ็บในรายการเอฟเอคัพรอบสาม ที่ Arsenal เอาชนะ Spur คู่ปรับตลอดกาลไปได้ 2-0 ทำให้เขาต้องพักรักษาตัวนานร่วม 1 ปี และพลาดฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิล ก่อนที่จะหายกลับมาลงสนามได้อีกครั้งในต้นปี ค.ศ. 2015
ในปี 2015 วัลคอตต์ช้วยทีม Arsenal คว้าแชมป์ FA Cup ด้วยการยิง 1 ประตู แต้หลังจากวันนั้น ฟอร์มของวัลคอตต์ก็ไม่ได้โดดเด่นเหมือนเคย
ปัญหานึงของวัลคอตต์คือ เขาดูเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์แต่ก็ยังขาดความมั่นใจในตัวเอง เมื่อเขาอายุมากขึ้น พัฒนาการกลับหยุดกับที่ ปัญหาการเล่นลูกกลางอากาศ การยิงประตู ยังเป็นเรื่องเดิมๆที่เขาพลาดมาตลอด สิ่งเดียวที่ทำให้เขาอยู่กับArsenal ได้ตลอด 12 ปี ก็คือ อาเซน เวงเกอร์ ที่เชื่อมั่นในตัวเขาเสมอมา
ในต้นปี ค.ศ. 2018 หลังจากทำผลงานตลอด 12 ปี ลงเล่นไปทั้งหมด 397 นัด108 ประตูกับ Arsenal ช่วงหลังวัลคอตต์แทบไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับอาร์เซนอลอีกเลย
ดังนั้นการย้ายสู่บ้านหลังใหม่น่าจะดีกว่า
Theo Walcott ได้ตัดสินใจยอมย้ายสู่ เมอร์ซี่ไซด์ กับทีม Everton ด้วยค่าตัวประมาณ 20 ล้านปอนด์ (900 ล้านบาท) สัญญา 3 ปีครึ่ง
กับ Everton ตลอด 3 ฤดูกาล วัลคอตต์ ลงสนาม 77 นัด ยิงไปเพียง 11 ประตู ผลงานต่ำกว่าความคาดหวัง และเมื่อ เอฟเวอร์ตัน มี อันเชล็อตติเข้ามาเป็นกุนซือของทีม ชื่อของวัลคอตต์ก็อยู่ที่ม้านั่งสำรองซะมากกว่าตัวจริง
ด้วยวัย 31 ปี กับค่าเหนื่อยระดับ 1 แสนปอนด์และทีมต้องการลดเพดานค่าใช้จ่าย รวมถึงนำค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปมอบให้กับ ฮาเมส โรดิเวซ สตาร์คนใหม่ของทีม วัลคอตต์จึงต้องอำลาทีมชั่วคราวด้วยการย้ายไปอยู่กับ นักบุญแดนใต้ Southampton ทีมแรกที่ปลุกปั้นเขาขึ้นมา
“ผมได้ยินข้อเสนอนี้ก่อนวันตลาดปิดแค่ 3 วัน ผมบอกกับตัวเองว่า การย้ายทีมครั้งนี้ต้องเกิดขึ้น ผมต้องการมันมากจริงๆ” วัลคอตต์กล่าวหลังเปิดตัวกับ Southampton
14 ปีครึ่ง ก่อนหน้านี้ หนุ่มน้อย ธีโอ วัลคอตต์ วัย 16 ปี ออกผจญภัยในโลกฟุตบอล และเขากลับมาอีกครั้งในฐานะผู้ใหญ่วัย 31 ปี ที่ผ่านประสบการณ์มากมาย ทั้งความสำเร็จ ถ้วยรางวัล ความสุข ความผิดพลาด และความเจ็บปวด ในเส้นทางค้าแข้งของตัวเอง
“ผมตื่นเต้นกับสิ่งที่รออยู่ ผมรอไม่ไหวแล้วที่จะกลับมาสวมเสื้อนี้อีกครั้ง”
“ผมรู้สึกว่า เหมือนตัวเองกลับมาเป็นเด็กอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้ ผมกลายเป็นเด็กคนเดิมที่ตัวใหญ่ขึ้นเท่านั้นเอง”
ที่บ้านหลังเดิม คือ การเริ่มใหม่ในฐานะนักเตะคนหนึ่ง เหมือนกับที่เขาเริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรแห่งนี้ มันไม่มีความคาดหวัง ไม่มีแม้กระทั่งความกดดัน มีเพียงความตั้งใจและความสนุกในฐานะนักฟุตบอลที่ใกล้เกษียณอายุ ที่ยังต้องการโลดแล่นบนสนามหญ้าด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง
Theo Walcott กับชีวิตที่ถูกเขียนไว้ว่า “ดาวรุ่งตลอดกาล”
ขอบคุณครับ
แอดมิน เฟรน เรียบเรียง
