ฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น JFA กับ ยุทธศาสตร์ 100 ปี แชมป์โลก ปี 2050
ยุทธศาสตร์ 100 ปี จะเป็นแชมป์โลก ในปี 2050 ของทีมชาติญี่ปุ่น
.
หากรู้ว่าเราไม่เก่ง ก็ต้องเรียนรู้มากกว่า 200% ของคนเก่ง / หากเรารู้ว่าไม่ค่อยได้รับโอกาส ก็ต้องพยายามให้มากกว่าคนอื่น 10 เท่า
.
ประเทศญี่ปุ่น หลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 กีฬาที่นิยมเล่นกัน แข่งขันกันส่วนใหญ่ จะเป็น เบสบอล ซูโม่ ยูโด ซึ่งเป็นกีฬาประจำชาติ ส่วนใหญ่
.
ในส่วนของกีฬาฟุตบอล มีการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลญี่ลีกปุ่นหรือ JSL ในปี 1965 แต่ก็ยังเป็นลีกกึ่งอาชีพเท่านั้น
.
ปี 1968 ญึ่ปุ่นไปได้เหรียญทองแดง แบบ Surprise ในกีฬาโอลิมปิคที่ Mexico
.
แต่หลังจากนั้น กีฬาฟุตบอลของญี่ปุ่นก็ได้ซบเซาลงเรื่อยๆ ไม่ได้นิยมเหมือน เบสบอล ยูโด คาราเต้ ซูโม่ สักเท่าไร
.
ในปี 1981 ได้ถือกำเนิด การ์ตูนระดับ ตำนาน เรื่อง Captain Tsubasa ที่เล่าถึงกลุ่มเด็กนักเรียนของประเทศญี่ปุ่น ที่ชอบกีฬาฟุตบอล และ มีการแข่งขันกันจากระดับ ท้องถื่น จนถึงระดับประเทศ
.
ด้วยที่ประเทศญี่ปุ่น คนในประเทศมีความรักในประเทศ และ คนญี่ปุ่นมีวินัยสูงมาก ทำให้กระแสของกีฬาฟุตบอล ที่ปลุกฝังจาก การ์ตูน เข้าไปอยู่ในความฝันของเด็กๆชาวญี่ปุ่นตั้งแต่นั้นมา
.
ปี 1985 Yasuhiko Okudera นักเตะญี่ปุ่นคนแรก ที่ไปค้าแข้งในเยอรมนีตะวันตก และจดทะเบียนเป็นนักฟุตบอลที่เป็นอาชีพจริง ๆ ได้รายได้ในฐานะนักฟุตบอลอย่างเดียวของประเทศญี่ปุ่นในตอนนั้น
.
ปี 1992 ทีมชาติญี่ปุ่นคว้าแชมป์เอเชียนคัพ พร้อมวางโรดแม็ป 100 ปี สู่แชมป์โลก
ซึ่ง 1 ในส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ 100 ปี มีสโมสรอาชีพ 100 ทีม ภายในปี 2092 ซึ่งไม่น่าไกลเกินเอื้อม
.
ปี 1993 ญี่ปุ่นก่อตั้ง J-League เป็นลีกอาชีพเต็มตัว ที่มีนักฟุตบอลอาชีพเล่นจริง ๆ ไม่ต่ำกว่า 300 คน รวมถึงการสนับสนุนของทางภาคเอกชน และ ประชาชน ที่เน้นการมีส่วนร่วมกับท้องถิ่น
.
หลังก่อตั้งฟุตบอลลีกอาชีพแบบทางการ ได้ 3 ปี ทีมชาติญี่ปุ่นทำอันดับ ขึ้นไปสู่ อันดับที่ 21 ของโลก ซึ่งเร็วมาก
.
1998 ญี่ปุ่นได้ผ่านเข้าไปเล่นบอลโลกรอบสุดท้าย และหลังจากนั้นก็ไม่พลาดตั๋วเลยสักครั้ง
แน่นอนว่าถ้วยเอเชียนคัพ แชมป์ก็ตกไปอยู่ในมือญี่ปุ่นมากกว่าชาติอื่น เมื่อญี่ปุ่นคว้าแชมป์ในปี 1992 2000 2004 2011
ปี 2002 ญี่ปุ่นได้เป็นเจ้าภาพ ฟุตบอลโลก และ ทีมก็เข้ารอบที่ 2 ด้วยการเล่นแบบประทับใจชาวโลก
.
นักฟุตบอลชื่อดังเริ่มหลั่งไหล ไปสู่ลีกยุโรป ไม่ว่าจะเป็น คาซูโยชิ มิอุระ / ฮิเดโตชิ นากาตะ / ชินจิ โอโนะ
.
ปี 2005 หลัง ฟุตบอลโลกที่เป็นเจ้าภาพได้ 3 ปี รัฐบาลและสมาคมฟุตบอลของญี่ปุ่น ได้ร่างคำมั่นสัญญากับชาวญี่ปุ่น ที่เรียกว่า
.
“The JFA Declaration, 2005” แบ่งเป็น
“The JFA Pledge for 2015” หรือ “คำปฏิญญา JFA 2015”
มีเป้าหมายสำคัญหลัก 3 อย่างที่ต้องบรรลุในปี2015 เรียกว่าเป้าหมายระยะสั้น คือ
1. สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นต้องติดอันดับ 1-10 ของโลก
2. จำนวนแฟนบอลและบุคลากร (นักฟุตบอล, ผู้ตัดสิน, ผู้ฝึกสอน , ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอล) ต้องมีจำนวน 5 ล้านคน
3. ทีมชาติญี่ปุ่นต้องอยู่ในอันดับ 1-10 ของโลก
“The JFA Pledge for 2050” หรือ “คำปฏิญญา JFA 2050” เป้าหมายสำคัญหลัก 2 อย่างที่ต้องบรรลุในปี2050 เป็นเป้าหมายระยะยาว
.
1. ครอบครัวฟุตบอลของญี่ปุ่น แฟนบอลที่มีความรักอย่างแท้จริงในฟุตบอลจะมีจำนวนทั้งหมด 10 ล้านคน
2. เราจะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก และทีมชาติญี่ปุ่นจะเป็นแชมป์โลก”
.
.
อ่านผ่านๆตรงนี้ถ้าย้อนไปสัก 30 ปีก่อน เราอาจจะมองว่า ดูตลก แต่พอเวลาผ่านมาถึงตรงนี้ ไม่ใช่เรื่องเกินฝันละครับ เพราะฟุตบอลโลก 2022 ทีมญี่ปุ่นโชว์ผลงานได้น่าประทับใจ ล้มเยอรมันในนัดแรก และ ล้มสเปน 2 ชาติยักษ์ใหญ่แห่งยุโรป ผ่านเข้ารอบที่ 2 แพ้จุดโทษ โครเอเชีย แบบน่าเสียดาย.
.
คราวนี้ เมื่อมีแผนแม่บทแล้ว แผนงานระหว่างทาง สิ่งที่ต้องทำต่อมา มีอะไรบ้างล่ะ??
1. ปลูกจิตสำนึก ความฝัน และความกระตือร้นให้กับเยาวชน ผ่านสื่อต่างๆ การ์ตูน การเรียน
2. พัฒนาศักยภาพทางร่างกาย และ โภชนาการ และ ทัศนคติ
3. พัฒนาการแข่งขันตั้งแต่ระดับเยาวชน โดยให้มีส่วนร่วมกับทีมในท้องถิ่น
4. พัฒนาบุคลากร ทั้งผู้ตัดสิน โค้ช และ นักวิชาการ นักกายภาพ ไปพร้อมๆกัน ส่งไปศึกษา ดูงานที่ลีกยุโรป
5. ขอความร่วมมือจากทั้งภาคเอกชน และ ประชาชน ในท้องถิ่นให้สนับสนุนกีฬาฟุตบอล
6. พัฒนาฟุตบอลลีก ให้เป็นที่สนใจของชาวโลก สร้างมูลค่าของลีก โดยเฉพาะความสนใจจากทางลีกยุโรป
7. ทุกทีมในเจลีก สนับสนุนนักเตะของทีม ส่งออกไปเล่นลีกยุโรป หากมีโอกาสพร้อมปล่อยทันที
8. ดึงผู้เล่นต่างชาติที่มีศักยภาพ เข้ามาเล่นในเจลีก
9. ผลักดันเยาวชนขึ้นมาเล่นสโมสรและทีมชาติ ตัวอย่าง นักเตะอายุ 15 ไปแข่งรุ่น 17 ปี นักเตะรุ่น 18 ไปแข้งรุ่น 20 ปี
10. สร้างพันธมิตรกับประเทศอื่นๆในเอเชีย เพื่อโอกาสการพัฒนาร่วมกัน
.
นี่แค่ 10 ข้อ ที่เห็นๆกัน และสามารถนำมาเล่าให้ฟังได้นะครับ ในขณะที่ยังมีอีกหลายอย่างที่ คนชาติอื่นอาจจะยังไม่รู้ หรือ ไม่สามารถรู้ได้ เพราะคงเป็นระบบการจัดการภายในประเทศของญี่ปุ่นเอง
.
ปัจจุบัน นักฟุตบอลของญี่ปุ่น ไปเล่นในลีกยุโรปไม่ต่ำกว่า 20 คน ทั้ง คาโอรุ มิโตมะ , ฮายาเซะ อูเอดะ , ทาคุมิ มินามิโนะ , ทาคุมะ อาซาโนะ , ทาเคะฟุสะ คุโบะ , ไดเซน มาเอดะ , ดาเนียล ชมิดด์ นี่แค่คร่าวๆนะครับ ยังมีอีกหลายคนที่ ยังไม่ได้ติดทีมชาติในฟุตบอลโลก2022
.
เมื่อหันกลับมามองประเทศไทยของเรา การฝันไปฟุตบอลโลก ไม่ใช่เรื่องผิดนะครับ เราฝันได้ แต่พอฝันแล้ว ต้องสามัคคีกัน ทั้งภาครัฐ สมาคมฟุตบอล ผู้เล่น แฟนบอล ต้องไปทางเดียวกัน ติได้ ชมได้ วิจารณ์ได้ แต่ควรอยู่ในมุมของการเสนอ มากกว่า ด่าทอ และ ต่อว่า บั่นทอน กำลังใจ
วันนั้นมาถึง ถ้าเราทำได้ และ เกิดขึ้นจริง โอกาสที่ทีมชาติไทย ไปฟุตบอลโลก ไม่ยากเกินฝันครับ
.
หากวันนี้ หากรู้ว่าตัวเราไม่เก่ง ก็ต้องเรียนรู้มากกว่า 200% ของคนเก่ง / หากเรารู้ว่าไม่ค่อยได้รับโอกาส ก็ต้องพยายาม และ สร้างวินัย ให้มากกว่าคนอื่น 10 เท่า
และนี่ก็คือ เรื่องราวของ ยุทธศาสตร์ 100 ปี ของ ทีมชาติญี่ปุ่น ที่ผมนำมาเล่าให้ฟังกันครับ
.
ใครที่สนใจเที่ยวญี่ปุ่นและ ทัวร์ดูบอล เจลีก ช่วงเดือน กย.- พย. ฝากติดตามได้เลยครับ
.
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน หาชอบฝากกดไลค์ อยากแบ่งปันฝากกดแชร์ ถูกใจ กดติดตามไปดูบอล ทั้ง Youtube facebook Tiktok ได้เลยครับ
.
แอดมิน เฟรน
เพจไปดูบอล Sports Tour
#ทัวร์ดูบอลญี่ปุ่น #ทัวร์ดูบอล #ไปดูบอล #๋Jleague #sportstour
