ผมมีโอกาสได้ไปเยือน คัมป์ นู สนามเหย้าของ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2565 ก่อนจะเข้าชมเกม เอล กลาซิโก้ ที่บาร์ซ่าจะรับการมาเยือนของ “ราชันย์ชุดขาว” รีล มาดริด ในอีก 2 วันถัดไป
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่มาทัวร์สนามแห่งนี้ ก่อนที่ คัมป์ นู จะปิดปรับปรุงครั้งใหญ่ หลังจบฤดูกาล 2022/23 เรียกได้ว่า ผมไปเห็นสนามเวอร์ชั่นเก่าเป็นครั้งแรก และครั้งสุดท้าย เนื่องจากฤดูกาลหน้า บาร์เซโลน่า จะย้ายไปใช้ โอลิมปิค สเตเดี้ยม ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 4 กิโลเมตร เป็นการชั่วคราว
คัมป์ นู หรือ ชื่อใหม่ตามสปอนเซอร์ สปอติฟาย คัมป์ นู ถือเป็นสนามฟุตบอลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป มีความจุ 99,354 ที่นั่ง โดยบาร์เซโลน่าใช้เป็นสนามเหย้าตั้งแต่ปี 1957
สำหรับค่าตั๋วทัวร์สนาม ตกคนละ 28 ยูโร (ประมาณ 1,050 บาท) การทัวร์สนามที่นี่จะไม่มีไกด์ ไม่มีกรุ๊ป เมื่อตีตั๋วผ่านประตูแล้ว สามารถเดินเองได้เลยแบบอิสระ เริ่มต้นที่การชมมิวเซียม ให้ดูประวัติความเป็นมา ถ้วยชนะเลิศรายการต่างๆ เสื้อผ้า รองเท้า รางวัลของอดีตนักเตะตำนานสโมสร เอาเฉพาะจุดนี้ใช้เวลาเยอะพอสมควร สโมสรประสบความสำเร็จมากมาย ขณะที่ผู้เล่นซูเปอร์สตาร์ก็เพียบเช่นกัน ทำให้หยุดดู หยุดถ่ายรูป เพราะรู้สึกตื่นเต้น แบบว้าวเลยครับ
อย่างไรก็ดี เนื่องจากการทัวร์ไม่ได้แบ่งเป็นรอบ ทำให้บางจุดที่สำคัญคนมุงเยอะไปหน่อย เช่น จุดโชว์ถ้วยบัลลงดอร์ของ ลิโอเนล เมสซี่ จุดนี้คนแน่น ยืนรอถ่ายรูปยาวเหยียด
เมื่อออกจากมิวเซียมแล้ว เราจะเข้าไปสู่สนามในส่วนของ เมน สแตนด์ อัฒจรรย์ฝั่งมีหลังคา มองเห็นสแตนด์ฝั่งตรงข้ามซึ่งเห็นคำขวัญ “Mes Que Un Club” (แปลเป็นอังกฤษ คือ More Than a Club) ของบาร์เซโลน่า อย่างชัดเจน จุดนี้ต้องถ่ายรูปครับ เพราะเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของสนามแห่งนี้
ความรู้สึกของผม คัมป์ นู ดูเก่า ตามสภาพ แต่เต็มไปด้วยความขลัง และยิ่งใหญ่ คล้ายสังเวียนต่อสู้โบราณอย่างโคลอสเซี่ยม อีกอารมณ์ก็ชวนให้นึกถึงสนามราชมังคลาฯ ของบ้านเราเหมือนกันนะครับ แต่สูงใหญ่กว่าพอสมควร
จากนั้นลงไปต่อกันที่ ห้องแถลงข่าว ห้องแต่งตัวนักเตะ สำหรับส่วนนี้ผมคิดว่า มันดูเก่า ดูทึมๆ มืดๆ ยังไงบอกไม่ถูก คาดว่าเมื่อทำการรีโนเวทแล้ว คงจะดูดี ร่วมสมัยมากขึ้นแน่นอน
สุดท้ายของการทัวร์สนาม เราจะเดินออกทางอุโมงค์นักเตะลงสู่สนาม แน่นอนว่า ส่วนหญ้าจริงได้กั้นไว้ไม่ให้คนเข้า คนมาทัวร์สามารถถ่ายรูปบริเวณซุ้มม้านั่งโค้ชและนักเตะสำรอง เมื่อยืนอยู่ ณ จุดนี้ มองขึ้นไปที่อัฒจรรย์ รู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ของสนามแห่งนี้ เราเหมือนยืนในอ่างใบมโหฬาร ผมนั่งซึมซับบรรยากาศนิ่งๆสักครู่ ให้รู้สึกฟิน ก่อนที่จะเดินออกสนาม
แต่ช้าก่อน ! ทางออกสนาม มีเจ้าหน้าที่บาร์เซโลน่าตั้งโต๊ะขายหญ้าจริง ให้คนมาทัวร์สนามได้ซื้อเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย ตัวแพงสุดเป็นรูปสนามจำลองด้านในบรรจุหญ้าไว้ ราคาชิ้นละ 60 ยูโร (2,250 บาท) ส่วนชิ้นเล็กราคาก็ลดหลั่นกันไป เอาเป็นว่าใครเป็นแฟนบาร์ซ่าอาจมีโดนตรงจุดนี้กันบ้างล่ะ
ทางทัวร์สนามจบลงแบบไม่รีบ ไม่เร่ง ใช้เวลาประมาณ 90 นาที จากนั้นไปช็อปปิ้งต่อกันที่ช็อปสโมสร ซึ่งค่อนข้างใหญ่ มีถึง 3 ชั้น สินค้ามีมากมายให้เลือกเสียเงิน ผมได้มาหลายชิ้นเหมือนกันครับ ขนาดไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ยังขนาดนี้เลย
จบการทัวร์สนามคัมป์ นู ด้วยความรู้สึกประทับใจ กับประวัติศาสตร์ และความยิ่งใหญ่ ที่เต็มไปด้วยมนขลัง ชอบที่เป็นการทัวร์แบบฟรีสไตล์ ไม่จำกัดเวลา สำหรับการทัวร์สนามโฉมใหม่หลังปรับปรุงจะเป็นยังไง ยังไม่ทราบได้ แต่อย่างน้อยครั้งหนึ่งได้มาเยือนสนามในเวอร์ชั่นเดิมแบบนี้คงไม่มีอีกแล้ว