โอมิครอนกับการไปดูบอลที่อังกฤษ
ช่วงนี้ผมอยู่ระหว่างการรอวีซ่าอังกฤษ ซึ่งการพิจารณาจะนานกว่าปกติ อาจต้องรอ 1-2 เดือน ในกรณีขอวีซ่าแบบธรรมดา ระหว่างนี้ก็ติดตามสถานการณ์โควิดในอังกฤษเป็นระยะ
ถามว่า ยังไปดูบอลพรีเมียร์ลีกได้ไหม ? คำตอบคือ ได้ครับ
วัคซีนที่ WHO รับรองอังกฤษให้ผ่านทุกยี่ห้อแล้ว
แต่เงื่อนไขในการเข้าประเทศยังเป็นเรื่องที่ปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด ล่าสุดอัพเดท 7 ธ.ค.65
ผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว จะต้อง
- ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ภายใน 2 วันก่อนเดินทางเข้าอังกฤษ โดยตรวจได้ทั้งแบบ PCR และ ATK อ่านข้อกำหนดการตรวจได้ที่
- จองและชำระเงินค่าตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ PCR Test ล่วงหน้า เพื่อตรวจหลังเดินทางถึงอังกฤษ
- กรอก Passenger Locator Form ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนเดินทางถึงอังกฤษ (ต้องกรอกหมายเลขการจองบริการตรวจหาเชื้อในฟอร์มนี้ด้วย)
- เมื่อเดินทางถึงแล้วให้กักตัวจนกว่าจะเข้ารับการตรวจหาเชื้อและรอจนกว่าผลออกว่าเป็น Negative จึงเลิกกักตัวได้ (หากผลเป็น Positive หรือผลไม่ชัดเจน ให้กักตัวด้วยตนเองต่อเป็นเวลา 10 วัน)
แล้วสถานการณ์การระบาดในอังกฤษล่ะ ?
ปัจจุบัน ในฤดูหนาว อังกฤษ ติดเชื้อโควิด เฉลี่ย 30,000-40,000 คนต่อวัน
เสียชีวิต 100-150 คน ต่อวัน
อัตราการฉีดวัคซีนในสหาราชอาณาจักร คือ ฉีดวัคซีนเข็มแรก 75%, ฉีดวัคซีนครบโดส 70% และบูสวัคซีนเข็มที่สาม 30%
ประชาชนใช้ชีวิตปกติมาหลายเดือนแล้ว และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับมัน เหมือนเป็นโรคประจำถิ่นทั่วไป
ส่วน สายพันธุ์ใหญ่อย่าง โอมิครอน ที่ทั่วโลกกังวลว่าจะทำให้โควิดระบาดหนักอีกครั้ง ล่าสุด มีข่าวดีออกมาเมื่อวานนี้เลย (8 ธ.ค.65) จากการศึกษาในห้องทดลองพบว่า การฉีดวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มบูสจะช่วยในการป้องกันโควิดสายพันธุ์โอมิครอนได้ดี กอปรกับผู้เชี่ยวชาญจาก WHO และอเมริกากล่าวไปในทางเดียวกันว่า โอมิครอนไม่ได้ร้ายแรงกว่าตัวกลายพันธุ์อื่นๆ แต่อาจมีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันมากขึ้นและแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น
ขณะเดียวกันโลกอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างพร้อม ในการสร้าง และพัฒนาวัคซีนเพื่อรับมือกับโควิด รวมถึงสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต
จากข้อมูลที่มี สำหรับผมแล้วคิดว่าการเดินทางไปดูบอลที่อังกฤษสามารถทำได้ปกติ ถ้าหากเราฉีดวัคซีนครบโดส ยิ่งมีการฉีดบูสด้วยจะดีมาก ส่วนการป้องกันตัวเอง เช่น ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ก็ควรทำอย่างเคร่งครัด ถ้าจบฤดูหนาวนี้ไป ปีหน้าก็สบายๆละครับ